หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์
หน้าหลัก ติวสอบดอทคอม เว็บฟรีข้อสอบออนไลน์

ติวสอบ รอง./ผอ.รร ปี 2567

ติวสอบ รอง./ผอ.รร ปี 2567
ติวสอบ รอง./ผอ.รร ปี 2567

ข้อสอบผู้บริหาร คู่ขนานสนามสอบจริง ปี 2562

ติวสอบดอทคอม (เว็บฟรี..ข้อสอบออนไลน์ เตรียมสอบครู ผู้บริหาร บุคลากรการศึกษาwww.tuewsob.com

ข้อสอบออนไลน์ ภาษาอังกฤษและการสร้างค่านิยม 12 ประการ

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

การมุ่งผลสัมฤทธิ์



คลิ๊ก..เข้าห้องสอบ...สมรรถนะ..การมุ่งผลสัมฤทธิ์ ที่

http://www.tuewsob.com/competency%20v1%20test%202.html


การมุ่งผลสัมฤทธิ์





การมุ่งผลสัมฤทธิ์ แบบ ก.ค.ศ. มี 4 ระดับ  อ่านทั้งหมดได้ที่
https://drive.google.com/file/d/0ByeVwALb1yssLU9raVkzVS1TMkU/edit?usp=sharing




แบบ ก.พ.  มี 5 ระดับ  ดังนี้

การมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Achievement motivation – ACH)

 

                1 ใน 5 ของสมรรถนะหลักและเป็นตัวแรกของสมรรถนะหลักสำหรับคำจำกัดความของคำว่า “การมุ่งผลสัมฤทธิ์” นั้น หมายถึง ความมุ่งมั่นจะปฏิบัติราชการให้ดีหรือให้เกินมาตรฐานที่มีอยู่ โดยมาตรฐานนี้อาจเป็นผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของตนเอง หรือเกณฑ์วัดผลสัมฤทธิ์ที่ส่วนราชการกำหนดขึ้นอีกทั้งยังหมายรวมถึงการสร้างสรรค์พัฒนาผลงานหรือกระบวนการปฏิบัติงานตามเป้าหมายที่ยากหรือท้าทายชนิดที่อาจไม่เคยมีผู้ใดสามารถกระทำได้มาก่อน

                การมุ่งผลสัมฤทธิ์ ได้แก่ การพยายามปรับปรุงงาน การทำงานได้ตามเป้าหมาย การทำงานได้ดีกว่าคนอื่น ๆ และการทำงานที่ยากท้าทายซึ่งอาจไม่เคยมีใครทำมาก่อน สำหรับคำในภาษาอังกฤษที่มีความหมายคล้ายคลึงกับการมุ่งผลสัมฤทธิ์ ได้แก่ การเน้นที่ผลลัพธ์ การเน้นที่ประสิทธิผล การใส่ใจกับมาตรฐาน การเน้นการปรับปรุงงาน ความเป็นผู้ประกอบการ การใช้ทรัพยากรอย่างสูงสุด

                การมุ่งผลสัมฤทธิ์พิจารณาได้จาก 3 มิติ คือ

                ความสมบูรณ์ของการทำกิจกรรมในงาน

                ผลกระทบของผลสำเร็จในงานว่าเกี่ยวกับระดับบุคคล ระดับกลุ่ม หรือระดับหน่วยงาน

                ระดับของนวัตกรรมที่สร้าง เช่น เป็นสิ่งใหม่ต่อหน่วยงาน ต่อส่วนราชการ หรือต่อวิชาชีพ

                สมรรถนะในแต่ละด้านแม้ว่าจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากสมรรถนะอื่น ๆ แต่ว่าก็ยังมีความคาบเกี่ยวกันอยู่บ้าง สมรรถนะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการมุ่งผลสัมฤทธิ์ ได้แก่ การคิดริเริ่ม (Initiative)  การสืบเสาะหาข้อมูล (Information Seeking) การคิดวิเคราะห์ (Analytical Thinking) การมองภาพองค์รวม (Conceptual Thinking) และความยืดหยุ่นผ่อนปรน (Flexibility) ความเกี่ยวข้องที่ว่านี้ อาจจะเกี่ยวข้องในแง่ที่ว่าบุคคลจะแสดงพฤติกรรมการมุ่งผลสัมฤทธิ์ได้ก็มักจะมีความคิดริเริ่ม การสืบเสาะหาข้อมูล การคิดวิเคราะห์ การมองภาพองค์รวมและความยืดหยุ่นผ่อนปรน อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมด้วย

                ระดับ 0 ไม่แสดงสมรรถนะด้านนี้ หรือแสดงอย่างไม่ชัดเจน

                ระดับ 1  แสดงความพยายามในการปฏิบัติหน้าที่ราชการให้ดี เช่น

                              พยายามทำงานในหน้าที่ให้ถูกต้อง

                              พยายามปฏิบัติหน้าที่ราชการให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา

                               มานะอดทน ขยันหมั่นเพียรในการทำงาน

                              แสดงออกว่าต้องการทำงานให้ได้ดีขึ้น เช่น ถามถึงวิธีการหรือขอคำแนะนำอย่างกระตือรือร้น

                              แสดงความเห็นในเชิงปรับปรุงพัฒนาเมื่อเห็นความสูญเปล่าหรือหย่อนประสิทธิภาพในงาน

                ระดับ 2  แสดงสมรรถนะที่ 1 และสามารถทำงานได้ผลงานตามเป้าหมายที่วางไว้ เช่น

                               กำหนดมาตรฐานหรือเป้าหมายในการทำงานเพื่อให้ได้ผลงานที่ดี

                               ติดตามและประเมินผลงานของตนโดยเทียบเคียงกับเกณฑ์มาตรฐาน

                               ทำงานได้ตามเป้าหมายที่ผู้บังคับบัญชากำหนดหรือเป้าหมายของหน่วยงานที่รับผิดชอบ

                               มีความละเอียดรอบคอบ เอาใจใส่ ตรวจตราความถูกต้องเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพ

                ระดับ 3  แสดงสมรรถนะระดับที่ 2 และสามารถปรับปรุงวิธีการทำงานเพื่อให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น

                               ปรับปรุงวิธีการที่ทำให้งานได้ดีขึ้น เร็วขึ้น มีคุณภาพดีขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือทำให้ผู้รับบริการพึงพอใจมากขึ้น

                               เสนอหรือทดลองวิธีการทำงานแบบใหม่ที่คาดว่าจะทำให้งานมีประสิทธิภามากกว่าเดิม

                ระดับ 4  แสดงสมรรถนะระดับที่ 3 และสามารถกำหนดเป้าหมาย รวมทั้งพัฒนาวิธีการทำงาน เพื่อให้ได้ผลงานที่โดดเด่น หรือแตกต่างอย่างไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เช่น

                               กำหนดเป้าหมายที่ท้าทายและเป็นไปได้ยาก เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

                                พัฒนาระบบ ขั้นตอน วิธีการทำงาน เพื่อให้ได้ผลงานที่โดดเด่น หรือแตกต่างไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

                ระดับ 5  แสดงสมรรถนะระดับที่ 4 และกล้าตัดสินใจ แม้ว่าการตัดสินใจนั้นจะมีความเสี่ยงให้บรรลุเป้าหมายของหน่วยงานหรือส่วนราชการ เช่น

                              ตัดสินใจได้ โดยมีการคำนวณผลได้ผลเสียอย่างชัดเจน และดำเนินการเพื่อให้ภาครัฐและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด

                               บริหารจัดการและทุ่มเทเวลา ตลอดจนทรัพยากร เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อภารกิจของหน่วยงานตามที่วางแผนไว้

                สรุป  :  การมุ่งผลสัมฤทธิ์ ในสมัยก่อนจะเป็นการทำงานที่ผู้ปฏิบัติได้ปฏิบัติให้แล้วเสร็จไปวัน ๆ หนึ่ง ซึ่งไม่สามารถวัดออกมาเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนได้...มา ณ ปัจจุบัน ภาครัฐได้นำเรื่องสมรรถนะเข้ามาแบ่งวัดระดับของสมรรถนะในการทำงาน จึงทำให้เห็นเป็นขั้นตอนหรือเป็นรูปร่างมากขึ้นกว่าสมัยก่อน เพราะระดับจะเป็นการแบ่งให้กับผู้ปฏิบัติได้ปฏิบัติ เช่นระดับปฏิบัติการ ควรมีสมรรถนะอยู่ในระดับใด ระดับผู้บริหารระดับกลาง ผู้บริหารระดับสูงควรมีสมรรถนะอยู่ในระดับใด...ถ้าผู้ปฏิบัติงานคนใดมีสมรรถนะต่ำก็ต้องรีบเร่งที่จะพัฒนาตนเองให้มีสมรรถนะที่สูงขึ้น เพราะในสมัยก่อนทำให้ภาครัฐไม่สามารถที่จะพัฒนาบุคลากรในส่วนราชการได้อย่างเป็นรูปธรรมได้เลย เพราะไม่มีเครื่องมือในการแยกแยะความสามารถได้...การพัฒนาในสมัยก่อนก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลของคน ๆ นั่นเองที่จะขวนขวายเพื่อศึกษาและพัฒนาตนเองให้มีความรู้มากขึ้น...             

         สำหรับผู้ปฏิบัติงานคนใดที่มีสมรรถนะที่สูงกว่ามาตรฐาน นั่นก็แสดงว่า องค์กรหรือส่วนราชการนั้น ได้บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถอยู่ในองค์กร และเป็นหน้าตาของส่วนราชการนั้นที่มีผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้ ความสามารถและช่วยพัฒนาองค์กรหรือส่วนราชการนั้นให้มีประสิทธิภาพและคุณภาพยิ่งขึ้น...

              นับได้ว่า ในสมัยก่อนการวัดความรู้ที่มีอยู่ในตัวคนนั้นทำได้ค่อนข้างยาก...ส่วนมากจะวัดจากใบปริญญาบัตรและใบประกาศต่าง ๆ ที่ได้รับการอบรมเพื่อพัฒนาตนเอง แต่...ประสบการณ์ในการทำงานของแต่ละบุคคลนั้นไม่สามารถบอกคนอื่นได้ นอกจากผลงานของคน ๆ นั้น...ดังนั้น สมรรถนะ จึงเป็นเสมือนเครื่องมือในการที่จะนำมาเป็นเครื่องวัดความสามารถของบุคลากรนั่นเอง...

  



ระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
(Result Based Management - RBM)

พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) .. 2545 
มาตรา 3/1 “ การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจภาครัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐ  การลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถิ่น การกระจายอำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวกและการตอบสนองความต้องการของประชาชน ทั้งนี้ โดยมี
ผู้รับผิดชอบต่อผลงาน....
ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงาน ทั้งนี้ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) ..2545 มาตรา 3/1 ที่กล่าวมาแล้ว  คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2542 เห็นชอบต่อแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐซึ่งกำหนดให้มีการปฏิรูปราชการด้วยแผนงานหลัก 5 แผน คือ
1. แผนการปรับเปลี่ยนบทบาท ภารกิจและวิธีการบริหารงานภาครัฐ
2. แผนการปรับเปลี่ยนระบบงบประมาณ การเงินและการพัสดุ
3. แผนการปรับเปลี่ยนระบบการบริหารบุคคล
4. แผนการปรับเปลี่ยนกฎหมาย
5. แผนการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมและค่านิยม
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นกิจกรรมสำคัญของแผนการปรับเปลี่ยนบทบาท ภารกิจและวิธีการบริหารงานของภาครัฐ ซึ่งกำหนดว่าภาครัฐจะต้องเปลี่ยนแนวทาง การบริหารไปสู่การบริหารที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ โดยยึดประชาชนเป็นเป้าหมายหลักในการทำงาน การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นเครื่องมือการบริหารที่มาพร้อมกับแนวคิดการบริหารภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management) ที่ต้องคำนึงถึงประชาชนและผลสัมฤทธิ์ของงาน เพื่อให้การทำงานของภาครัฐมุ่งเน้นผลลัพธ์ของงานมากกว่าเน้นปัจจัยนำเข้ากระบวนการทำงานและกฎระเบียบที่เคร่งครัด โดยจะมีการวัดผลอย่างเป็นรูปธรรม การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ให้ความสำคัญกับการกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ เป้าหมายที่ชัดเจน และการกำหนดผลผลิต  ผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน  รวมถึงมีการกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานที่ชัดเจนในการวัดความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานเพื่อให้การทำงานมี
ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล มีความรับผิดชอบต่อประชาชน และเกิดความคุ้มค่าในการใช้ภาษีของประชาชนและงบประมาณแผ่นดิน
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ คือ วิธีการบริหารที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์หรือผลการปฏิบัติงานเป็นหลัก โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานด้วยตัวชี้วัดอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้บรรลุ วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้  ทำให้ผู้บริหารทราบผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ  และสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีเป็นการควบคุมทิศทาง
การดำเนินงานให้มุ่งสู่วิสัยทัศ
น์ฯ ของหน่วยงาน
ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต (Outputs) + ผลลัพธ์ (Outcomes)
ผลผลิต (Outputs) หมายถึง งาน บริการ หรือกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่ทำเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่งมอบให้ประชาชนผู้รับบริการ ผลผลิตเป็นผลงานที่เกิดจากการดำเนินกิจกรรมโดยตรง
ผลลัพธ์ (Outcomes) หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นตามมา ผลกระทบ หรือเงื่อนไขที่เกิดจากผลผลิต ผลลัพธ์มีความสัมพันธ์โดยตรงกับประชาชนผู้รับบริการ และสาธารณชน
ดังนั้น ผลสัมฤทธิ์ คือ งาน บริการ หรือกิจกรรมที่เกิดจากการทำงานได้ผลผลิต (Outputs) ตาม
เป้าหมาย และเกิดผลลัพธ์
(Outcomes) ตรงตามวัตถุประสงค์ กล่าวคือ ผลผลิตสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงหรือเป็นที่พึงพอใจ เช่น ปลูกบ้านได้ 1 หลัง (Outputs)  บ้านหลังดังกล่าวน่าอยู่ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก (Outcomes) หรือ การซ่อมถนนได้ 5 กิโลเมตร เป็น ผลผลิต (Outputs) ถนนสายนั้นทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเดินทางจากการซ่อมแซม เป็น ผลลัพธ์ (Outcomes)
            วัตถุประสงค์ของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
            การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงการปฏิบัติงานขององค์กร ช่วยให้การบริหารการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม มีทิศทางในการปฏิบัติงาน มีระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นระยะ ๆ  ทำให้ทราบผลการปฏิบัติงานเมื่อเทียบกับแผนหรือเป้าหมาย สามารถรายงานความก้าวหน้าผลการปฏิบัติงานต่อ
ผู้บริหาร และ ทำให้แก้ปัญหาได้ทันท่วงที  หากผลการปฏิบัติงานไม่น่าพึงพอใจ  ผู้บริหารมีโอกาสปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ทันที

            การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ เกี่ยวข้องกับทุกกระบวนการของการบริหาร (PDCA) ได้แก่
Plan  มีวัตถุประสงค์ หรือ เป้าหมายที่ชัดเจน  (ต้องการทราบว่าผลสัมฤทธิ์คืออะไร)
Do  มีการปฏิบัติงานที่มุ่งให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามแผนที่วางไว้หรือไม่
Check  มีการตรวจสอบว่าปฏิบัติได้ผลสัมฤทธิ์ตามที่วางแผนไว้หรือไม่
Act  ปรับปรุงแก้ไขให้ได้ผลสัมฤทธิ์ตามแผนที่วางไว้
            ระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารเชิงกลยุทธ์
            การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการบริหารงานเชิงกลยุทธ์ องค์กรใช้วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ และกลยุทธ์ซึ่งอยู่ในแผนกลยุทธ์ขององค์กรเป็นกรอบในการกำหนดปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ (CSF) และตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก (KPI) ของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นเครื่องมือช่วยประเมินความสำเร็จของการดำเนินการตามกลยุทธ์  องค์กรที่มีการบริหารเชิงกลยุทธ์สามารถใช้ปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ(CSF) และตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก (KPI) ของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์เป็นกรอบวัดผลการปฏิบัติงานขององค์กรเทียบกับเป้าหมาย เพื่อให้รู้ถึงความก้าวหน้าของการบรรลุวิสัยทัศน์ หากผลงานยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ผู้บริหารองค์กรควรปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เหมาะสม
การเชื่อมโยงกลยุทธ์สู่การวัดผลการปฏิบัติงาน
        
ปัจจัยที่จำเป็นเบื้องต้นสำหรับส่วนราชการไทยที่จะนำระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์มาใช้ ได้แก่
·      องค์กรมีการจัดทำแผนกลยุทธิ์ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ และกลยุทธ์การปฏิบัติงาน
·      การให้ความร่วมมือจากผู้บริหารในการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสมของผลการปฏิบัติงาน
·      การมอบเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการปฏิบัติงานในระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ให้ชัดเจน

กรอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ของส่วนราชการ
Balanced Scorecard  เป็นเทคนิคที่พัฒนาขึ้นเมื่อ ค..1992 โดย Robert S.Kaplan
 David P. Norton จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีจุดมุ่งหมายเพื่อวัดผลการปฏิบัติงานระดับองค์กรของ
ภาคเอกชน ใน 4 ด้าน คือ ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการภายในองค์กร ด้านองค์กร และ ด้านการเงิน ต่อ
มาได้มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายในหน่วยราชการหลายประเทศ
              Balanced หมายถึง ความสมดุลของจำนวนมุมมองที่ใช้ในการพิจารณาองค์กร เวลากำหนด
ปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ (CSF) และตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก (KPI) เพื่อป้องกันความเบี่ยงเบนและช่วย
ให้มีการพิจารณาองค์กรจากทุกมุมมองอย่างครบถ้วน
           Scorecard หมายถึง รายงานสรุปผลสัมฤทธิ์ขององค์กร  ซึ่งนำมาอยู่ในรายงานสำหรับผู้
บริหารเพื่อให้ผู้บริหารสามารถติดตามความก้าวหน้าของการบรรลุวัถุประสงค์ขององค์กร
สำนักงาน ก.. ได้นำ Balanced Scorecard มาปรับใช้เป็นกรอบแนวทางกำหนดปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ (CSF) และ ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก (KPI) ซึ่งเป็นกรอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ของส่วนราชการ  โดยการพิจารณาจากมุมมองด้านต่าง ๆ 4 ด้าน
กรอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ของส่วนราชการในมุมมองด้าน 4 ด้าน ดังนี้
1.   ด้านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายนอกองค์กร (External Perspective)
เป็นการพิจารณาองค์กรในมุมมองของประชาชนผู้รับบริการ สาธารณชนทั่วไปที่อยู่ใน
สภาวะแวดล้อมภายนอกองค์กร ผู้มีส่วนได้เสียประโยชน์ต่าง ๆ รัฐบาล หน่วยงานราชการอื่น ๆ รัฐ
วิสาหกิจ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ฯลฯ
2.   ด้านองค์ประกอบภายในองค์กร (Internal Perspective)
เป็นการพิจารณาย้อนกลับไปที่โครงสร้างองค์กร กระบวนการทำงาน ทรัพยากรมนุษย์
ความสามารถหลักขององค์กร วัฒนธรรม และค่านิยม  ความรู้ความสามารถของบุคลากร ทักษะ
จริยธรรม  ขวัญกำลังใจ
3.   ด้านนวัตกรรม (Innovation Perspective)
เป็นการพิจารณาความสามารถขององค์กรต่อความเปลี่ยนแปลงเป็นการมองไปในอนาคตว่าองค์กรควรริเริ่มสร้างสรรค์อย่างไร เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดียิ่งกว่าเดิม เช่น งานวิจัยที่นำสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง การพัฒนาระบบงาน การสร้างเครือข่าย ระบบการตรวจค้นข้อมูล ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น
             4. ด้านการเงิน (Financial Perspective)
                 ให้ความสำคัญกับการประหยัดทรัพยากรทางการบริหาร ความคุ้มค่าของเงินงบประมาณ
ที่ใช้ ความสามารถของการให้บริการเทียบกับผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา รวมถึงการป้องกันการทุจริต
และประพฤติมิชอบที่ปรากฏ
    
อ่านทั้งหมดที่ 

  
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ ( Results Besed Management : RBM )RBM คือ? การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ หมายถึง การบริหารโดยมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์หรือความสัมฤทธิผลเป็นหลักใช้ระบบการวัดผลการปฎิบัติงานที่อาศัยตัวชี้วัด ( Key Performance Indicator : KPI ) เป็นตัวสะท้อนผลงานให้ออกมาเป็นรูปธรรม กล่าวโดยสรุปการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ อาจเขียนเป็นสมการได้ดังนี้

ผลสัมฤทธิ์ ( Results = ผลผลิต ( Output ) + ผลลัพธ์ ( Outcomes ))

ในอดีตการบริหารของรัฐจะเน้นที่ปัจจัยนำเข้า (Input ) ซึ่งได้แก่ ทรัพยากรต่างๆ ที่รัฐจะนำมาใช้ในการปฎิบัติงาน คือ เงิน คน วัสดุ คุรุภัณฑ์ต่างๆ โดยเน้นการทำงานตามกฎระเบียบ และความถูกต้องตามกฎหมายและมาตรฐาน แต่การบริหารมุ่ผลสัมฤทธิ์ จะเน้นที่ผลลัพธ์ (Outcomes) ของงาน โดยจะให้ความสำคัญที่การกำหนดพันธกิจและวัตถุประสงค์ของโครงการ /งาน เป้าหมาย ที่ชัดเจน การกำหนดผลผลิตและผลลัพธ์ที่ต้องการของทุกโรงการในองค์กรนั้นให้สอดคล้องเป็นไปในทางเดี่ยวกับภารกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์กร มีการกำหนดตัวชี้วัดผลการทำงานหลัก ( KPI ) ไว้อย่างชัดเจนเป็นที่เข้าใจของทุกคนในองค์กร มีการวัดความก้าวหน้าของการปฎิบัติงานโดยใช้ตัวชี้วัดดังกล่าว มีการยืดหยุ่นในการบริหารและสนับสนุนทรัพยากรแก่ผู้บริหารระดับล่างอย่างเหมาะสม มีการประเมินผลการปฎิบัติงาน และให้ค่าตอบแทนตามผลงาน ตลอดจนถึงการปรับปรุงพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและตรงความต้องการของลูกค้า (Customer ) คือประชาชนปัจจัยหลักพื้นฐาน : ที่ทำให้การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ประสบความสำเร็จก็คือ การมีระบบข้อมูลที่เที่ยงตรง เชื่อถือได้ไม่ว่าจะเป็นระบบข้อมูล ตัวชี้วัดผลการปฎิบัติงาน เพื่อให้ทราบความก้าวหน้าของการปฎิบัติงาน หรือระบบการเงินและบัญชีที่สามารถให้ข้อมูลแยกรายละเอียดโครงการ เพื่อให้ทราบต้นทุน ค่าใช้จ่ายในแต่ละงาน การได้ข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้บริหารทุกระดับตัดสินใจได้อย่างถูกต้องการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ อาจสามารถอธิบายอีกแบบได้ว่า เป็นการจัดหาให้ได้ทรัพยากรการบริหารมาอย่างประหยัด (Economy) การบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ( Efficiency ) และการได้ผลงานที่บรรลุเป้าหมายขององค์การ ( Effectiveness) ความประหยัด ( Economy ) คือการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดในการผลิต โดยการใช้ปัจจัยนำเข้า (Input ) ซึ่งได้แก่ทรัพยากรในการผลิตด้วยราคาที่ต่ำสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งนี้ถือว่าเป็นหลักสำคัญของนักบริหารที่ดี การไม่ประหยัดจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในกรณีของการมีคนงานมากกว่าปริมาณงาน หรือใช้อุปกรณ์เครื่องมือที่มีราคาแพง หรือคุณภาพสูงเกินความจำเป็น
ความมีประสิทธิภาพ ( Efficiency ) คือการเปรียบเทียบระหว่างปัจจัยนำเข้า ( Input ) กับผลผลิต (Outputs) ได้แก่ การสร้างผลผลิตในระดับที่สูงกว่าปัจจัยนำเข้า ความมีประสิทธิภาพ สามารถวัดได้ โดยการนำปัจจัยนำเข้าจริง หารด้วยผลผลิตจริง หากได้ค่าที่น้อยแสดงว่ามีผลผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่า การเพิ่มขึ้นของปัจจัยนำเข้า ซึ่ง ( Productivety ) คือการให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัจจัยนำเข้าคงที่ หรือโดยการประหยัด (Economizing ) คือ รักษาระดับผลผลิตให้คงที่แต่จะลดปัจจัยนำเข้าลงความมีประสิทธิผล (Effectiveness) คือการเปรียบเทียบระหว่าง วัตถุประสงค์ กับ ผลลัพธ์ ของโครงการซึ่งหมายถึง ระดับของการบรรลุวัตถุประสงค์ ที่ได้ตั้งไว้ล่วงหน้าของโครงการนั้นๆ ว่าได้ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพียงไร ความมีประสิทธิผล มีความเกี่ยวข้องกับผลผลิตและผลลัพธ์วัตถุประสงค์ ( Objectives ) เป้าหมายของผลสัมฤทธิ์ของงานที่ต้องการทั้งในระยะสั้น กลาง หรือระยะยาวปัจจัยนำเข้า ( Input ) ทรัพยากรที่ใช้ในการผลิต การให้บริหารหรือการปฎิบัติงาน เช่น เงินทุน คน อาหาร เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ เทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา กฎ ระเบียบ และการรักษาชื่อเสียงขององค์กร เป็นต้นกิจกรรม ( Processes ) กระบวนการทำงาน ได้แก่ การนำปัจจัยนำเข้าทั้งหลายมาผ่านกระบวนการ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มตามมาตรฐานคุณภาพที่ได้กำหนดไว้ผลผลิต ( Outputs) คือผลงานหรือผลบริการที่องค์กรผลิตได้ ที่เกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆขององค์กร เช่น การออกใบอนุญาต การออกหนังสือสำคัญ บัตรอนุญาตต่างๆ ข้อเสนอแนะผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา หรือการหางานให้ผู้ว่างงานเป็นต้นผลลัพธ์ ( Outcomes ) คือผลกระทบ ผลต่อเนื่อง ที่เกิดจากผลผลิตหรือผลงานที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อผู้รับบริการ เช่น ผู้รับบริการได้รับใบอนุญาต เป็นผลให้การประกอบอาชีพมั่นคงขึ้นซึ่งในปัจจุบันรัฐบาลก็ให้พวกเราข้าราชการทำงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ คำนึงถึงต้นทุน และผลผลิตที่ได้คุ้มค่ากันหรือเปล่าในการลงทุนหรือการทำงาน ทุกคนต้องช่วยกันนะครับ ช่วยชาติประหยัด แล้วเราจะอยู่รอดได้ การทำงานหากเอาใจลงไปทำด้วยทุกอย่างสำเร็จแน่นอน แต่ถ้าขาดกำลังใจท้อถอย ต้องเติมพลังให้ตนเองโดยวิธีต่างๆที่เหมาะสมตามสถานการณ์ก็จะค่อยๆดีขึ้นเองครับเพราะทุกวันนี้มีงานทำก็มีเงินเลี้งดูครอบครัวผมคิดว่านี่แหละคือผืนนาที่เราต้องช่วยกันถางถางงอกงามต่อไป จริงไหมครับ พงษ์ศักดิ์. มุนแบ่งปันความรู้และแลกเปลี่ยนควารู้ สพท. ขอนแกน เขต 1 [ออนไลน์] 17 ก.ค. 2548 [อ้างเมื่อ 11 พฤศจิกายน 48]. จากhttp://www.kkzone1.go.th/webbkm/webboard.php?page=4
   
การมุ่งผลสัมฤทธิ์ แบบ ก.ค.ศ. มี 4 ระดับ  อ่านทั้งหมดได้ที่

        

สมัครติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา 4 ภาค 29 จุด ปี 2557-2558 ได้ที่

"ติวสอบดอทคอม"  www.tuewsob.com  หรือ คลิ๊กที่ภาพด้านล่างครับ


 ติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา



สร้าง-เขียน-บรรยาย โดย (ผอ.นิกร เพ็งลี)
เน็ตช้า เข้าที่ http://tuewsob.blogspot.com/
เน็ตแรง เข้าที่ http://www.tuewsob.com/

"ติวสอบดอทคอม" เว็บฟรี..ข้อสอบออนไลน์ สอบราชการ-ครู-ผู้บริหาร ฯ

ติวสอบดอทคอม www.tuewsob.com โดย ผอ.นิกร เพ็งลี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติวสอบดอทคอม

ติวสอบดอทคอม
ติวสอบผู้บริหารสถานศึกษา

ติวสอบ บน ยูทูป

ติวสอบ บน ยูทูป
ติวสอบ บน ยูทูป

ติวสอบ ฟรี บน ยูทูป

ติวสอบดอทคอม (เว็บติวสอบครู ผู้บริหาร บุคลากร การศึกษา)

ติวสอบดอทคอม (เว็บฟรี..ข้อสอบออนไลน์ เตรียมสอบครู ผู้บริหาร บุคลากรการศึกษาwww.tuewsob.com

กลับหน้าหลัก ติวสอบดอทคอม

กลับหน้าหลัก ติวสอบดอทคอม
ติวสอบดอทคอม